เดี๋ยวนี้สถานที่ท่องเที่ยวแบบติดชายแดน นับว่าน่าเที่ยวไม่น้อย สะพานไม้ สังขละบุรี หรือ สะพานมอญ ก็เป็นอำเภอติดชายแดนอีกอำเภอหนึ่งที่จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ฮอตฮิตติดลมบนสำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวแบบเป็นธรรมชาติ
สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นสะพานไม้ที่ใช้ข้ามไปยังหมู่บ้านมอญ ซึ่งเมื่อก่อน ชาวบ้านจะเอาไม้ไผ่มามัดรวมกันแล้วต่อกัน แต่ช่วงที่น้ำมรสุมเข้าน้ำหลาก ก็พัดเอาตอไม้เศษไม้ต่างๆพาปะทะกับสะพานไม้ ทำให้สะพานเกิดชำรุด ไม่สามารถใช้งานได้ ชาวบ้านและหลวงพ่ออุตตมะจึงพากันช่วยรวบรวมไม้ไผ่มาสร้างสะพานแพไม้ไผ่ลอยน้ำไว้ใช้งานแทนสะพานไม้ที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซม ซึ่งขอบอกว่า สะพาแพไม้ไผ่ ที่ก็เหมือนแพลอยสัมผัสกับผิวน้ำเวลาเดินมันก็หวิวๆชอบกล คือ เราเองว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยกลัวพอควรแต่ก็ตื่นเต้นดี อ้อ!ชาวบ้านเรียกกันว่า สะพานลูกบวบ เย็นๆก็จะเห็นพวกผู้ใหญ่พาเด็กๆมานั่งที่สะพานลูกบวบแล้วก็เล่นน้ำ นั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกลางแม่น้ำกัน ชาวบ้านเค้าบอกว่า เมื่อก่อนก็เคยใช้สะพานลูกบวบมาก่อน แต่หลวงพ่อท่านเห็นว่า สะพานใช้งานไม่ได้นานจึงได้ช่วยกันกับชาวบ้านสร้างสะพานไม้ขึ้นมาใช้งานแทน
ถ้ามาเที่ยวสะพานมอญ แนะนำว่าให้มาได้ทั้งเช้า และ เย็น เพราะบรรยากาศแตกต่างกันมาก ในช่วงเช้า เราก็จะเห็นแน่ๆคือ ชีวิตความเป็นอยู่แบบชาวมอญ เราชอบการแต่งตัวของชาวมอญมาก ผ้าซิ่น หามาใส่ด้วยก็ดี เข้ากับบรรยากาศริมสะพานมาก และต้องไม่ลืมที่จะใส่บาตรพระในช่วงเช้า ตลาดริมสะพานเค้ามีชุดใส่บาตรขายกัน ไปซื้อได้ ไม่แพง ก็ดูๆชาวบ้านเค้าหน่อย เค้าจะมานั่งรอพระอยู่ที่ริมถนน แล้วก็ใส่ข้าวสวย และที่สำคัญเค้ากราบพระลงบนพื้นถนนเลย แล้วที่ดูแล้วน่าทึ่งอีกอย่าง ชาวบ้านมอญเค้าจะเทินของไว้บนศรีษะแล้วเดิน เก่งอะ เราลองบ้างนะแต่ทำไม่ได้มันเดินไม่ตรงเวลาเดินต้องคอยเหลือบมองของข้างบน สรุป ทำไม่ได้ เลยเลิกดีกว่า เดี๋ยวข้าวของจะพังซะหมด แล้วที่ชอบอีกอย่างคือ บ้านของชาวมอญที่ยังเห็นเป็นแบบเดิมอยู่ คือ การสร้างบ้านด้วยไม้กระดาน หรือ ไม้ไผ่สาน ส่วนมุขหน้าบ้านก็แบบแปลกๆ เราก็แอบเล็งมองเข้าไป ปรากฏว่า เป็นห้องพระ หลายบ้านทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็มีอีกหลายหลังที่รับวัฒนธรรมใหม่ๆเข้ามาก็สร้างบ้านด้วยปูนกันแล้ว
บริเวณริมแม่น้ำ ก็จะมีร้านอาหาร ให้ได้ทานกันหลายร้าน อร่อยใช้ได้เช่นกัน ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวก็จะมีหมอกจางๆ ลอยอยู่บนผิวน้ำให้ได้เห็นกันด้วย
เรียบเรียงข้อมูลโดย : paipaitour
ที่มาภาพ :
www.naihua.net
travel.mthai.com
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น