เรามาแอ้วเมืองเหนือก็ใช่ว่าจะเห็นแต่ดอย เห็นแต่วัด กันซะที่ไหน ถึงแม้จะอยู่สูงก็ยังมีน้ำให้เห็นกัน เรามาเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวถ้ำปลากันบ้าง
อุทยาแห่งชาติถ้ำปลา อันที่จริงก็อยู่ในอุทยาแห่งชาติน้ำตกผาเสื่อนั่นเอง ก่อนจะมาก็เป็นที่ถกเถียงกันพอควรว่า มันคนละที่เราจะไปไหนก่อนดี ดีที่ระหว่างที่ยืนเถียงกันอยู่มีพี่วินใจดีบอกว่า น้องๆมันก็ที่เดียวกันนั่นแหละ แค่นั้น หันมามองหน้ากันแล้วก็พากันเดินหน้าด้วยมอเตอร์ไซด์เช่าต่อไป
พอขี่มอเตอร์ไซด์ไปถึง รู้สึกได้เลยว่านี่เราเข้าใกล้ป่ากันอีกแล้ว มันเย็นจับใจ เย็นแบบที่แถวกรุงเทพฯ ที่ติดทะเลไม่สามารถรับความเย็นแบบนี้ได้ รู้สึกอากาศบริสุทธิ์มาก ว่าแล้วก็ไปถ่ายรูปกับป้ายเป็นที่ระทึกกันซะหน่อย แวะพักหาน้ำ ขนม ใส่ท้องกันนิดหน่อยเพราะคุณป้าขายของบอกว่า ไปอีกไกลพอควร พอสำราญท้องเราก็ไปต่อ ไปถึงด่านก็เสียค่าเข้ากันคนละ 20 บาท ที่นี้ก็เดินชมธรรมชาติกันตามประสาคนรักษ์ธรรมชาติ ระหว่างทางเราต้องเดินข้ามสะพานไป น้ำไม่ลึกนะ แต่ใสมากเห็นทะลุใต้น้ำเหมือนกระจกเลย ถ่ายรูปกันซะหน่อย แล้วเราก็เริ่มเห็นปลาแล้ว มีปลาหลายสีมากสีดำ สีส้ม สีออกแดงๆ สีขาว ก็มี เออนะ เพลินดี
จากจุดที่จ่ายเงิน เรามั่นใจว่าเดินมาก็เกือบๆเกิน ครึ่งกิโลเมตรได้แล้วหละ เพราะรู้สุกล้าๆขาเล็กๆ และแล้วเราก็มาเจอป้ายบนขอนไม้สีเข้ม เขียนว่า ถ้ำปลา จะบอกว่าดีใจเหลือหลาย พอเดินไปหน่อยก็จะมีสะพานเล็กๆ ที่นี้หละของจริง เห็นปลาแล้วเยอะมากๆเลย ตัวโตๆทั้งนั้น อยู่ในน้ำใส เห็นปลาชัดเลย น้ำใสไหลเย็น เห็นตัวปลา มันเป็นอย่างนี้เอง
เดินมาอีกนิดก็เห็นของน่ารัก ไม่แปลกเท่าไหร่แต่ก็ชอบ คือ เค้าสร้างให้น้ำไหลลงไปตามท่อนไม้ แล้วให้น้ำที่ปลายไม้ไหลลงไปในกระบอกไม้ไผ่ พอน้ำเต็มกระบอกไม้ไผ่ ไม้ไผ่ก็จะตกลงเหมือนเราเล่นม้าโยก ด้านหนักก็จะโน้มตัวลง ตรงบริเวณนี้จะเห็นปลาเยอะมาก เค้าคุยกันว่าเป็นปลาพลวงซึ่งปลาพลวงเป็นตระกูลปลาคราฟ ถึงว่าตอนก่อนเข้ามาเหมือนเห็นปลาคราฟสีส้ม ตรงใกล้ๆปากถ้ำก็จะมีรูปปั้นพระฤาษี ตรงใต้ฐานดูเหมือนจะเป็นปากถ้ำเพราะเห็นปลาไปอยู่กันแน่นตรงบริเวณนั้น
ทางตอนเดินกลับออกมา พอมองไปที่สะพานที่เราเดินข้ามตอนเข้าก็สวยไปอีกแบบ จากนั้นก็มานั่งพักที่ร้านกาแฟ ชักภาพสวยๆกันซะหลายรูป แล้วค่อยเดินทางต่อ
สำหรับคนรักธรรมชาติ มาเจอกันที่ ถ้ำปลา ได้
เรียบเรียงข้อมูลโดย : paipaitour
ที่มาภาพ :
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น